08 มิถุนายน 2553

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน..ของโรงพยาบาลวิชัยยุทธ.

เมื่อ 6 ปีก่อน ได้เคยเขียนเรื่องพระประธาน และ
หลวงปู่ทวดของห้องพระที่อาคารวิชัยยุทธเหนือไว้ครั้ง
หนึ่งแล้วในวิชัยยุทธจุลสาร ฉบับที่ 6 ต่อมาในระยะ
หลัง ผู้ป่วยรวมทั้งญาติโยมชาวพุทธที่ได้เข้าไปนมัสการ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในห้องพระ ชั้น 15 ใคร่จะได้ทราบข้อมูล
เกี่ยวกับสิ่งที่ตนเข้าไปสักการะบูชา จึงขอนำมาเขียน
ใหม่เพื่อให้ทุกท่านได้ทราบ
โรงพยาบาลวิชัยยุทธดำเนินกิจการมา 34 ปี
ซึ่งเป็นเวลานานมากที่สุดสำหรับโรงพยาบาลเอกชน
ในประเทศไทย โรงพยาบาลเปิดเมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ.
2512 โดยสมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฎฐายี แห่งวัด
มกุฎกษัตริยาราม) เริ่มต้นเรียกว่า วิชัยยุทธคลินิค
เป็นอาคาร 8 เหลี่ยม 2 ชั้นมีห้องรับผู้ป่วยเพียง 10 ห้อง
และค่อยๆขยายขึ้นจนถึงอาคาร 20 ชั้น วิชัยยุทธเหนือ
เมื่อ 20 กันยายน 2539
ผู้บริหารโรงพยาบาลมองโรงพยาบาลว่ามี
ลักษณะคล้ายวัด เพราะเป็นที่สำหรับรักษาความทุกข์
ทรมานต่างๆของชาวพุทธทั้งทางจิตใจ และร่างกาย
ตั้งแต่เกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตซึ่งบางคนออกจาก
โรงพยาบาลไปสู่วัด และโรงพยาบาลเป็นที่ให้ข้อมูล
ต่างๆเกี่ยวกับทุกข์นั้นๆเช่นเดียวกับวัด สายใยเชื่อมต่อ
ระหว่างคนไข้และโรงพยาบาลที่ควรจะเป็น คือ สายใย
ของความเมตตา เรามิได้มองโรงพยาบาลในลักษณะ
สากลที่มุ่งมองแต่ผลประโยชน์ของตนเองอย่างสถาบัน
การแพทย์เอกชนอื่นๆ เพราะผู้บริหารส่วนใหญ่ของ
โรงพยาบาลนี้ถูกหล่อหลอมมาด้วยคุณธรรมของพระ
พุทธศาสนา เรารู้ว่าในยามเจ็บไข้ได้ป่วย ชาวพุทธจะ
ตระหนักดีว่าทุกข์ต่างๆเป็นเรื่องของกรรม เป็นเรื่องของ
อนิจจัง ซึ่งเมื่อใครต้องเผชิญจะต้องแสวงหาที่พึ่งทาง
ใจในรูปแบบต่างๆโดยเฉพาะทางศาสนา โรงพยาบาล
จึงได้จัดให้มีสถานที่สำหรับคนไข้จะได้ไหว้พระนับ
ตั้งแต่อาคารแรก ทุกอาคารจะมีที่ตั้งพระหรือที่ตั้งโต๊ะ
หมู่บูชา จนเมื่อสร้างอาคารวิชัยยุทธเหนือจึงจัดให้มีห้อง
พระในอาคารในชั้นที่ 15 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของหอผู้ป่วย
ธรรมดา และยังมีรูปปั้นของหลวงปู่ชีวก โกมารภัจจ์
แพทย์ประจำองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ที่หน้าอาคาร
ชั้นล่างด้วย นอกจากศาสนาพุทธเรายังมองถึงคนไข้ของ
ศาสนาอื่นที่ต้องการสถานที่สำหรับทำกิจกรรมทาง
ศาสนา จึงได้จัดให้มีห้องละหมาดสำหรับคนไข้ชาว
อิสลาม ซึ่งเป็นศาสนาที่มีคนไทยนับถือมากเป็นลำดับ
สอง สำหรับคริสตชนนั้นไม่ต้องการสถานที่เฉพาะ
จึงมิได้จัดไว้ให้
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน...
ของโรงพยาบาลวิชัยยุทธ
นายแพทย์สมพนธ์ บุณยคุปต์
ประธานบริหาร ร.พ.
8
สำหรับห้องพระนั้นตามธรรมเนียมจะต้อง
มีองค์พระประธานเป็นหลัก ซึ่งถ้าจะนำพระที่หล่อกัน
โดยทั่วไปมาเป็นพระประธานอาจไม่ตรงกับลักษณะ
ของโรงพยาบาล จึงได้หล่อพระประธานเองโดยเลือก
ปางดีดน้ำมนต์ ที่ได้ดัดแปลงมาจากปางประทานพร
เพื่อให้มีความหมายสำหรับผู้ป่วย องค์พระประธานใช้
แบบที่เห็นจากพระพุทธรูป ที่เคยนมัสการที่ศรีลังกา
ซึ่งสร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.400 ครองจีวรในแบบ
ศรีลังกา มีหน้าตัก 25 นิ้ว ขนาดพอเหมาะกับห้องพระ
โดยเน้นที่พระพักตร์ให้ฉายแสงแห่งความเมตตา และ
เน้นความงามของพระหัตถ์ โดยเอาแบบจากพระ
เชียงแสนที่มีนิ้วพระหัตถ์เท่ากันทุกนิ้ว โดยขอให้ช่าง
บุญชม อินทรีย์วงศ์ จากโรงหล่อพุทธมณฑลสาย 2
เป็นผู้ปั้นให้ตามความต้องการ เริ่มต้นปั้นด้วยเทียนเป็น
หุ่นก่อนและได้ขอแก้ไขใหม่หลายครั้งจนพอใจ จึงได้
องค์พระประธานงามสมดังใจที่ตั้งไว้ ต้องขอขอบคุณ
นายช่างบุญชมไว้เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ได้สร้างพระ
ประธานองค์เล็กขนาด 5 นิ้วไว้อีก 50 องค์ สำหรับ
ผู้ที่สั่งจองไว้บูชา
คนไทยจำนวนมากนับถือศรัทธาในพระ
อริยสงฆ์บางองค์ที่เคยมีชื่อเสียงอยู่ในอดีต เช่น หลวง
ปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) สมเด็จพุฒาจารย์ (โต
พรหมรังสี) หลวงปู่เทพโลกอุดร (หลวงปู่ใหญ่) เป็นต้น
บังเอิญในช่วงแรกของชีวิตผู้เขียนเมื่อครั้งจบแพทย์
ใหม่ๆ ได้มีความสนใจในเรื่องของพระศาสนาและการ
ปฏิบัติได้ไปเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ ร.อ.ทวี ทิวแก้ว
แห่งอาศรมชีปะขาว ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ทวด
ที่มีประวัติว่าเป็นพระสังฆราชสมัยกรุงศรีอยุธยาย้อนไป
400 กว่าปีแล้ว และหลวงปู่ทวดท่านปรารถนาพุทธภูมิ
คือ รอเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล
ดังนั้นในบทสวดบูชาของท่านจึงสวดขึ้นต้นว่า “นะโม
โพธิสัตโต” หมายถึงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ซึ่งเรา
ไม่สามารถทราบว่าอีกนานเท่าใดท่านจะบรรลุพระ
สัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า ผู้เขียนเมื่อเริ่ม
ศึกษาปฏิบัติทางสมาธิภาวนา ก็ได้เคยทำพิธีฝากตน
เป็นศิษย์คนหนึ่งของหลวงปู่ทวดแล้ว จึงตกลงใจจะ
สร้างหลวงปู่ทวดไว้ให้คนบูชาในห้องพระของโรงพยาบาล
ด้วย เพราะได้เคยเห็นว่ามีคนไข้จำนวนมากมาขอให้
อาจารย์ทวี ทิวแก้ว ช่วยรักษาโรคต่างๆให้โดยอาศัย
บารมีของหลวงปู่ทวด และที่คนไข้หายเป็นอัศจรรย์
ทันทีก็มีอยู่มาก ในการปั้นหลวงปู่ทวดก็ได้ให้ช่างคือ
คุณสุชาติ เลิศภูมิปัญญา แห่งโรงปั้นซอยวัดจันทร-
ประดิษฐาราม เขตภาษีเจริญ ดูแบบจากหลวงปู่ทวด
ของอาศรมอาจารย์ทวี ทิวแก้ว ที่เคยแสดงอภินิหารต่อ
ผู้เขียนมาแล้ว คือในวันที่นำหลวงปู่ทวดไปประดิษฐาน
ที่มณฑป วัดเขาดิน กาญจนบุรี ได้เปิดโอกาสให้คนที่มา
9
ในงานปิดทององค์ท่าน ผู้เขียนได้ไปปิดทองพร้อม
ภรรยา แต่เวลาปิดทองที่แก้มของหลวงปู่ ผู้เขียนมีความ
รู้สึกว่าเนื้อแก้มของท่านนิ่มมาก กดบุ๋มลงไปคล้ายกด
ที่แก้มคนจริงๆ ผู้เขียนไม่ได้เฉลียวใจแต่บอกภรรยา
ว่าปิดเบาๆเดี๋ยวหน้าท่านเสียรูป แล้วรีบมาบอก
อาจารย์ทวีว่าทำไมให้ปิดทองยังไม่แห้งเดี๋ยวเสียหมด
ท่านมองลอดแว่นแล้วบอกว่า “หมอ หลวงปู่หล่อเสร็จมา
2 ปีแล้ว!”
เพื่อให้ปั้นหลวงปู่ทวดได้ใกล้เคียงองค์จริงจึง
ให้ผู้ปั้นดูรูปหลวงปู่ทวดที่ปรากฏที่นิ้วมือของอาจารย์
จิตร บัวบุศย์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเพาะช่างที่ท่าน
เป็นผู้ปั้นหลวงปู่ทวดองค์ที่อาศรมชีปะขาว และได้มีการ
ถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนปั้นครั้งนี้ให้ช่างปั้นจุดธูป
1 องค์ อีกองค์ได้ถวายไปไว้ที่อุโบสถ วัดสุทธาวาส
คลองหลวงแพ่ง ฉะเชิงเทรา ที่อาจารย์ทวีได้สร้างไว้
และโรงพยาบาลวิชัยยุทธได้ร่วมบุญก่อสร้างด้วย นอก
จากนี้ได้ปั้นหลวงปู่ทวดองค์ขนาด 5 นิ้วอีก 30 องค์
หลวงปู่ชีวก 5 นิ้วอีก 40 องค์ตามที่มีผู้สั่งจอง
คนไทยเรามีความศรัทธาในการสักการะบูชา
พระพุทธรูป ซึ่งถือแทนองค์พระพุทธเจ้า มักจะขอสิ่ง
ต่างๆที่ปรารถนา และบ่อยครั้งถ้าสิ่งที่ขอไม่ผิดต่อ
ศีลธรรมและความถูกต้องก็อาจได้สิ่งนั้นตามที่ขอไว้
ทำให้คนทั้งหลายเกิดความศรัทธาและยึดมั่นในพระ
พุทธคุณมากยิ่งขึ้น คงจะรู้กันดีว่ามีพระพุทธรูปองค์
สำคัญหลายองค์ที่เป็นสุดยอดที่คนไทยชาวพุทธจะ
หาเวลาและโอกาสเวียนกันไปนมัสการ นับตั้งแต่พระ
แก้วมรกต พระพุทธชินราช หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อบ้าน
แหลม พระไสฯ เป็นต้น ทุกองค์มีประวัติการสร้าง
ที่ชัดเจน มีประวัติอันยาวนานและยิ่งใหญ่ มีผู้รู้
หลายท่านบอกว่าพระพุทธรูปทุกองค์มีเทพชั้นสูง
จำนวนหนึ่งประจำองค์พระพุทธรูปเหล่านี้
ครูบาอาจารย์ได้เคยอธิบายถึงวิธีการสร้าง
พระพุทธรูปที่จะให้ศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่กาลอดีตว่าต้อง
มีสิ่งสำคัญ 4 ประการ เริ่มด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์อันเป็น
กุศลเจตนาของผู้สร้างเป็นประการสำคัญในเบื้องต้น
ซึ่งพระของโรงพยาบาลทุกองค์ได้มีผู้มีจิตศรัทธาทั้ง
ที่เป็นแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ คนไข้และญาติโยม
ได้ร่วมกันบริจาคเงินร่วมสร้างพระพุทธรูปประจำ
โรงพยาบาลและองค์อื่นๆเป็นประการแรก ประการที่ สอง
วัสดุที่จะนำมาหล่อองค์พระจะต้องมีแผ่นชนวน
ซึ่งครูบาอาจารย์ที่มีวิชาจะได้เขียนเลขยันต์คาถาต่างๆ
และเพ่งจิตลงในแผ่นทองนาคเงิน เพื่อนำมาหล่อหลอม
เป็นเบื้องต้นก่อนจะผสมโลหะเพื่อหล่อองค์พระ สำหรับ
องค์พระประธานรูปเหมือนหลวงปู่ทวดและหลวงปู่ชีวก
ที่หล่อครั้งนี้ได้ชนวน ดังนี้
- ชนวนที่หล่อหลวงปู่ทวด ที่วัดเทพศิรินทราวาส
บอกหลวงปู่ทวดแล้วจึงปั้น เมื่อเสร็จแล้วเราได้ติดต่อ
อัญเชิญญาณของหลวงปู่ทวดมาตกแต่งหุ่นขี้ผึ้ง
ของท่านหลายแห่ง จนได้ออกมาตามที่เห็น ซึ่งน่าจะใกล้
องค์จริงมาก การปั้นหลวงปู่ชีวกโกมารภัจจ์ที่ตั้งไว้หน้า
อาคาร โดยช่างคณะเดียวกัน โดยวิธีการเช่นเดียวกัน
และได้อัญเชิญญาณหลวงปู่ชีวกมาตกแต่งหุ่นของ
ท่านเองหลายครั้งเช่นเดียวกัน จึงน่าจะคล้ายองค์จริง
มากที่สุด ได้หล่อหลวงปู่ทวดไว้ 2 องค์ ไว้ที่โรงพยาบาล
10
- ชนวนที่หล่อหลวงพ่อเพ็ชร พระประธานวัด
สุทธาวาส คลองหลวงแพ่ง ฉะเชิงเทรา
- ชนวนเก่าเมื่อสร้างพระกริ่งวัดสุทัศน์
และได้แผ่นทองนาคเงินจากพระอาจารย์ 42 รูป
เท่าที่ได้จดจำไว้ได้มีดังนี้
- หลวงพ่ออุตตมะ และหลวงตาเซ็น วัดวังก์วิเว-
การาม กาญจนบุรี
- หลวงปู่เหรียญ วัดอรัญวาสี หนองคาย
- หลวงปู่ท่อน วัดป่าศรีอภัยวัน เลย
- พระครูธรรมกิจโกศล (พระอาจารย์นอง) วัด
ทรายขาว ปัตตานี
- หลวงปู่อวน วัดหนองพลับ สระบุรี
- หลวงปู่หลอด วัดใหม่เสนา กรุงเทพฯ
- หลวงปู่พรหมา สำนักสวนบ้าน อุบลราชธานี
- หลวงปู่หลวง วัดเกาะคา ลำปาง
- พระเทพวิสุทธิญาณ วัดบวรนิเวศ
- หลวงปู่เลื่อน วัดบ้านตำแย ศรีษะเกษ
- หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิทอง อยุธยา
- หลวงพ่อบุญชู วัดหนองโรง
- หลวงพ่อจ้วง วัดหนองน้ำเขียว
- หลวงพ่อสนิท วัดสะแก
- หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย อยุธยา
- หลวงพ่อทัศน์ วัดแจ้ง ปราจีนบุรี
- หลวงปู่ป่วน วัดหนองบัวทอง สุพรรณบุรี
- หลวงพ่อช้อน วัดหนัง กรุงเทพฯ
- หลวงปู่เกตุ วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์
- หลวงพ่อละเอียด วัดไผ่ล้อม อยุธยา
- หลวงพ่อช่อ วัดฤกษ์บุญมี สุพรรณบุรี
- พระครูประสิทธิวิสุทธิคุณฯ วัดไตรมิตร
กรุงเทพฯ เป็นต้น
ประการที่สาม คือในพิธีเททองหล่อ จัดพิธีกรรมต่างๆ
ได้ถูกต้อง ซึ่งในครั้งนี้มีพระญาณทีปาจารย์ (หลวง
ปู่ท่อน ญาณธโร) แห่งวัดป่าศรีอภัยวัน เป็นผู้เททองใน
เวลา 08.15 น. ในวันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ.2539
ประการที่สี่ ได้มีพิธีอัญเชิญเทพยดาชั้นสูงประจำ
องค์พระประธานอัญเชิญหลวงปู่ทวดประดิษฐาน
ในองค์หลวงปู่ทวดและหลวงปู่ชีวกโกมารภัจจ์ใน
องค์พระรูปหลวงปู่ชีวก โดยคุณเยาวพันธุ์ เมฆไพบูลย์
เป็นผู้อัญเชิญ พิธีกรรมครั้งนี้เรียบร้อยสมบูรณ์ทุก
ประการ เมื่อถอดแบบออกปรากฏว่าทุกองค์เรียบร้อย
โดยไม่มีตำหนิเลยจนเป็นที่แปลกใจของช่างหล่อเป็น
อย่างมาก นอกจากนี้ยังได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
จำนวนหลายพันองค์ที่เสด็จมาที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
หลายวาระไว้บนเศียรขององค์พระประธานด้วย
ในวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2539 ได้อัญเชิญ
พระทุกองค์จากโรงหล่อมาที่โรงพยาบาลและทำบุญ
สวดมนต์ฉลองพระในวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2539 ซึ่ง
เป็นวันครบรอบวันเปิดโรงพยาบาลเมื่อ 27 ปีก่อน และ
เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
ครองราชย์มาครบ 50 ปีพอดี จึงนับเป็นวาระอันเป็น
มงคลยิ่งนัก โรงพยาบาลจึงได้ทำบุญถวายเป็นพระ
ราชกุศลในวาระนี้ด้วย โดยได้อาราธนาพระอาจารย์ 9
รูป ได้แก่ หลวงปู่ท่อน หลวงปู่จันทา หลวงปู่ทองพูล
หลวงปู่เปลี่ยน พระอาจารย์คำ พระอาจารย์เลิศ พระ
อาจารย์คำตัน พระอาจารย์พวน และพระอาจารย์สมพร
มาร่วมงานบุญครั้งนี้
ในวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2539 ได้ฤกษ์
อัญเชิญพระประธาน หลวงปู่ทวด เข้าประดิษฐานใน
ห้องพระของชั้น 15 อาคารวิชัยยุทธเหนือ และหลวง
11
ปู่ชีวกประดิษฐานที่แท่นบูชาหน้าโรงพยาบาลโดย
เรียบร้อย
ในห้องพระชั้น 15 ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐาน
อยู่อีกหลายองค์ ได้แก่ รูปเจ้าแม่กวนอิมที่ทำด้วย
กระเบื้องที่งดงามมากเป็นของเก่าแก่ของจีน เท่าที่ทราบ
ประวัติเคยอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในประเทศจีน พระ
อาจารย์องค์หนึ่งท่านได้มา และท่านได้ให้แก่ผู้เขียนมา
ผู้เขียนเห็นว่ามีคนไข้เชื้อสายจีนส่วนหนึ่งเคารพและ
ศรัทธาแก่เจ้าแม่กวนอิมมาก ผู้เขียนจึงมอบไว้ให้ในห้อง
พระของโรงพยาบาล เพื่อให้คนไข้และญาติโยมได้
กราบไหว้บูชา เพราะเป็นองค์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก
องค์หนึ่ง สำหรับเจ้าแม่กวนอิมปางที่ต่างออกไปที่ตั้ง
ไว้ที่เดียวกันนั้น ผู้เขียนได้มาจากคนไข้เช่นเดียวกัน
โต๊ะบูชาอีกโต๊ะหนึ่งในห้องพระเป็นรูปของ
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นอริยสงฆ์องค์แรกและถือเป็น
บูรพาจารย์สายพระปฏิบัติในยุครัตนโกสินทร์ มีรูป
เหมือนหลวงปู่มั่น รูปเหมือนหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
อริยสงฆ์ที่คนไทยในยุคปัจจุบันรู้จักกันดีและอีกสิ่งหนึ่ง
ที่ควรได้รู้จักและสักการะบูชา คือผ้าไตรของหลวงปู่เทพ-
โลกอุดร หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า หลวงปู่ใหญ่ ซึ่ง หลวงปู่วัย
จตฺตาลโย แห่งวัดกาพพนมยงค์ หินกอง ที่ละสังขารเมื่อ
วันที่ 22 เมษายน 2541 อายุ 99 ปี 6 เดือน 4 วัน
ซึ่งมีพระประวัติที่น่าสนใจมาก ท่านเป็นพระองค์เจ้า
จบแพทย์จากฝรั่งเศส เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ได้ไปเรียนเสนาธิการที่เยอรมัน เพื่อเตรียมเอาราช-
บัลลังก์คืน แต่ต่อมาท่านได้เปลี่ยนมาบวชตั้งแต่หนุ่ม
ท่านเล่าว่าได้เคยพบและเป็นศิษย์ของหลวงปู่ใหญ่
ตั้งแต่บวชใหม่ๆและกำลังธุดงค์ศึกษาปฏิบัติอยู่ในป่า
และท่านเล่าว่าท่านได้ถวายผ้าไตรให้แก่หลวงปู่ใหญ่
ทุกปี และท่านเก็บไว้หลังจากครบปีแล้ว หลวงปู่วัยได้
มอบผ้าไตรหลวงปู่ใหญ่ให้ผมไว้ 2 ชุด ชุดหนึ่งอยู่ที่
ห้องพระแห่งนี้ คงจะเป็นสิ่งสักการะบูชาของญาติโยม
ที่รู้จักและศรัทธาแทนองค์หลวงปู่เทพโลกอุดร
นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปที่มีค่าอีกหลาย
องค์ที่ผมได้รับมอบจากครูบาอาจารย์และคนไข้ของ
โรงพยาบาลรวมถึงรูปถ่ายของเสด็จพ่อ ร.5 ที่คนไข้
ถ่ายมาจากวัดที่อยุธยาเห็นแสงประหลาด (ของเทพ
เทวดา) ที่อยู่หน้าองค์ท่าน
ทั้งหมดนี้เป็นประวัติของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันควร
แก่การสักการะบูชาของแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ของ
โรงพยาบาล คนไข้และญาติโยมทั้งหลายสุดแต่ผู้ใดจะ
มีความศรัทธาแก่องค์ใด ผู้เขียนเองมีประสบการณ์ทั้ง
อิทธิปาฏิหาริย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมากมาย
จึงจัดห้องพระนี้ไว้เพื่อประโยชน์ของชาวพุทธที่เคารพ
ศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลายโดยทั่วกัน
12

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก