30 กันยายน 2553

ประสบการณ์อานุภาพการบูชาพระองค์ปฐม-พระคำข้าว-พระหางหมาก-ลูกแก้ว-พระคาถาโน้มจิต



ประสบการณ์อานุภาพการบูชาพระองค์ปฐม-พระคำข้าว-พระหางหมาก-ลูกแก้ว-พระคาถาโน้มจิต

ก่อนที่จะเล่าตัวอย่างประสบการณ์โดยตรง ผมขอสรุปผลจากประสบการณ์ เกี่ยวกับการพูด ในการบูชาดังนี้

๑. พระกริ่งสมเด็จองค์ปฐม ทำให้เกิดความมั่นใจมาก อาจหาญ สง่าผ่าเผย ไม่มีอาการประม่าตื่นเต้นมาก (จนควบคุมไม่ได้ และไม่มีเลย) มีความรู้สึกว่าเรายิ่งใหญ่ เป็นผู้นำ ...ต้องอาราธนาขอให้ท่านคลุมบนศรีษะ หรือทั้งตัว เหมือนตอนที่ครูแนะนำมโนมยิทธิ จนเกิดอาการ สั่น ศรีษะมึน และตัวหนัก ร้อนผ่าววูบวาบ ร่างกายเหมือนถูกคลุม หรือเหมือนมีพระนั่งคลุมบนศรีษะ หรือจับเป็นภาพนิมิตให้เห็นชัด (เท่าที่ทำได้)

๒. พระหางหมาก ทำให้การพูดคล่อง ปราดเปรื่อง มีปฏิภาณไหวพริบในการโต้ตอบ หลายครั้งก็ งง ว่าเราพูดได้อย่างไร จะไม่ลืมเรื่องที่เตรียมพูด สมองไม่ว่างเปล่าในระหว่างพูด ไม่ช๊อคเวลาพูดนาน ๆ ...อาการจากการอาราธนาก็เหมือนข้อ ๑ แต่จะเบากว่ามาก

๓. พระคำข้าว ได้ลาภแบบเกินคาด แบบงง ๆ เช่น เราขอบารมีพระหางหมากเพื่อเจรจางาน แล้วต่อด้วยขอบารมีพระคำข้าวเจรจาเงินค่าตอบแทน หลายครั้งครับที่ เราตั้งใจจะกำหนดจำนวนเงินเท่านี้ ไว้ในใจ หรือเสนอน้อยไปเขากลับชิงเป็นฝ่ายเสนอก่อน หรือให้เพิ่มเป็นจำจวนเงินสูงกว่าอย่างคาดไม่ถึงแบบเรางง ๆ เราเลยเต็มใจรับที่มากกว่าครับ (แต่อย่าแกล้งโมเมขอเพิ่มขึ้นต่อจากที่เขาเสนอมามากกว่านะครับ เดี๋ยวลาภหายหมด) การขอบารมีก็ เหมือนข้อ ๑ แต่จะเบานุ่มนวลกว่า

๔. ลูกแก้ว มีลาภแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามเหตุตามผล คล้าย ๆ หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองแน่นอน แต่จะไม่เป็นศูนย์ การจัดงานบุญ งานเลี้ยงที่มีคนจำนวนมากจะคล่องตัวอย่างคาดไม่ถึง (หลวงพ่อบอกว่ามีผลเลี้ยงคนจำนวนมากได้) ..ส่วนการรักษาโรคนี่ผมเคยเป็นโรคบิด กินยาหมออย่างดีเป็นเดือน ๆ ไม่หายเลยถึงขนาดแค่มองเห็นเม็ดยา หรือซองยานี่อาเจียรเลย...ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยนำเอาลูกแก้วหลวงพ่อมาขอบารมีทำน้ำมนต์ และหายเป็นปลิดทิ้งในหนึ่งวันนี่เรื่องจริงครับ (เกิดขึ้นมาเกือบ ๓๐ ปีแล้ว)

๕. พระคาถา "จิตตะ มหาจิตตัง ปิยัง มะมะ" ใช้ภาวนาก่อนพูด ระหว่างพูดได้ผลดีมากครับ แต่อาจจะมั่นใจน้อยกว่าพระหางหมาก

25 กันยายน 2553

การใช้ชีวิตดีขึ้นหมั่นทำบุญและปฎิบัติธรรมตลอดชีวิต




มนุษย์ที่เกิดมา...ในกองเงิน กองทองก็ดี หรือลำบากในชีวิต ในด้านต่างๆ ก็ตาม ทุกชีวิต ควรมั่นทำบุญ ตามที่ตอนเอง ยึดถือไม่ควร จะทำในช่วง ชราภาพ เพราะสุขภาพ จะไม่ดีและทำได้ไม่เต็มที่ครับ

ประยุกต์แนวคิดความสุข 8 ประการ


ประยุกต์แนวคิดความสุข 8 ประการ
ขับเคลื่อนโครงการสถานที่ทำงานน่าอยู่ น่าทำงาน
.......................................
Happy 8 หรือความสุขทั้งแปด ประกอบด้วย
1. Happy Body (สุขภาพดี) มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและจิตใจ
เพราะมีความเชื่อว่าถ้ามนุษย์ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงก็จะมีจิตใจที่ดี พร้อมที่จะรับมือกับ ปัญหาที่จะเข้ามาได้เป็นอย่างดี
2. Happy Heart (น้ำใจงาม) มีน้ำใจเอื้ออาทรต่อกันและกัน
เนื่องจากมีความว่าเชื่อความสุขที่แท้จริงคือการเป็นผู้ให้
3. Happy Society (สังคมดี) มีความรักสามัคคีเอื้อเฟื้อต่อชุมชนที่ตนทำงาน
และพักอาศัย มีสังคมและสภาพแวดล้อมที่ดี เพราะเชื่อว่าการที่ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีภายในสังคมหรือชุมชน ย่อมเป็นพื้นฐานที่ดี ทำให้ผู้อยู่อาศัย มีความรัก ความปรองดอง สามัคคีกัน ต่อกัน พร้อมร่วมแรงร่วมใจช่วยกันพัฒนาชุมชนให้มีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
4. Happy Relax (ผ่อนคลาย) รู้จักผ่อนคลายต่อสิ่งต่างๆ ในการ
ดำเนินชีวิต เพราะเชื่อว่าการที่คนทำงานหากไม่รู้จักสรรหาการผ่อน คลายให้กับตนเอง จะทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดความเครียด อันส่งผล
กระทบต่อหน้าที่การทำงาน
5. Happy Brain (หาความรู้) มีการศึกษาหาความรู้พัฒนาตนเองตลอดเวลา
จากแหล่งต่างๆ นำไปสู่การเป็นมืออาชีพและความมั่นคงก้าวหน้าในการทำงาน
เพราะเชื่อว่า ถ้าเราทุกคนแสวงหาความรู้ใหม่ๆ มาเพิ่มพูนความรู้ และพัฒนาตนเองอยู่
สม่ำเสมอ ก็จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดัน ช่วยให้องค์กรพัฒนาขึ้นด้วยบุคลากรที่มีศักยภาพ
6. Happy Soul (ทางสงบ) มีความศรัทธาในศาสนาและมีศีลธรรมในการ
ดำเนินชีวิต
เพราะเชื่อว่า หลัก ธรรมคำสอนของศาสนา เป็นสิ่งที่จะช่วยการดำเนินชีวิตของทุกคนให้ดำเนินไปในเส้นทางที่ดีได้ ทำให้ทุกคนมีสติ มีสมาธิในการทำงาน สามารถรับมือกับปัญหาที่เข้ามาได้ ยึดหลักสนับสนุนให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี และมีความศรัทธาในคุณงามความดีทั้งปวง
7. Happy Money (ปลอดหนี้) มีเงิน รู้จักเก็บรู้จักใช้ ไม่เป็นหนี้
ปลูกฝังนิสัยอดออม ประหยัด รู้จักใช้ วิธีเงิน ไม่ใช้สุรุ่ยสุร่าย ใช้จ่ายแต่เท่าที่จำเป็น ยึด
หลักคำสอนการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง
8. Happy Family (ครอบครัวดี) มีครอบครัวที่อบอุ่นและมั่นคง
ปลูกฝังนิสัยรักครอบครัว เพื่อนำไปเป็นหลักการใช้ชีวิต ให้รู้จักความรัก ความเชื่อมั่น และความศรัทธาในความดีงาม จึงจะเกิดเป็นคนดี ในสังคม (รักตนเอง รักครอบครัว รักการงาน รักเพื่อน รักในสิ่งที่พอเพียง)
8 เซียน
1. เซียน สุขกาย (Happy Body) มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและจิตใจ
ชายหนุ่ม หน้าตาดูดี ผมสั้น รูปร่างสมาร์ท ดูเฟิร์ม นิสัยมนุษยสัมพันธ์ดี รักในการออกกำลังกายเป็น ชีวิตจิตใจ เพราะมีเชื่อว่า เพราะมีความเชื่อว่าถ้ามนุษย์ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงก็จะมีจิตใจที่ดี พร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่จะเข้ามาได้เป็นอย่างดี
2. เซียน น้ำใจงาม Happy Heart มีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อกันและกัน
หญิงสาว รูปร่างดี แลดูอบอุ่น สวมแว่นตา บนใบหน้าที่ดูอิ่มเอิบ สวมชุดแต่งกายที่แลดูสุภาพ เรียบร้อย ดูสะอาดสะอ้าน มีนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจงาม เนื่องจากมีความว่าเชื่อความสุขที่ แท้จริงคือการเป็นผู้ให้
3. เซียน สามัคคี Happy Society มีความรักสามัคคีเอื้อเฟื้อต่อชุมชนที่คนทำงานและพักอาศัย มีสังคมที่ดี
ชายหนุ่ม หน้าตาดี ผิวสีแทน รูปร่างทะมัดทะแมง สวมชุดแต่งกายที่แลดูคล่องตัว มีนิสัย เอื้อเฟื้อ รักความสงบสุข ภายในสังคมที่ตนเองอยู่อาศัย มักเป็นผู้นำในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสังคม เพราะเชื่อว่า การที่ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดี ภายในสังคมหรือชุมชน ย่อมเป็นพื้นฐานที่ดีทำให้ผู้อยู่ อาศัย มีความรัก ความปรองดอง สามัคคีกัน ต่อกัน พร้อมร่วมแรงร่วมใจช่วยกันพัฒนาชุมชนให้มี ชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นเทพชายที่มีน้ำใจชอบช่วยเหลือผู้คน จึงเป็นเทพที่รักของเทพทั้งหลาย เป็นเทพที่พูดจาไพเราะจริงใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เหล่าเทพ และมนุษย์เสมอ
4. เซียน ผ่อนคลาย Happy Relax รู้จักผ่อนคลายต่อสิ่งต่างๆ
หญิงสาว รูปร่างเล็ก หน้าตาทะเล้น กวนๆ ชวนให้หัวเราะ มีนิสัยรักความสนุก ชอบสร้างเสียงให้หัวเราะให้กับผู้คนที่อยู่รอบๆ มองโลกในแง่ดี รู้จักสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกายและจิตใจ จึงมักบอกเล่าวิธีคิดเพื่อชนะอารมณ์โกรธ นั่นคือ การรู้จักอภัย รู้จักปล่อยวาง แล้วจะทำให้โลกสดใสมีความสุข เพราะเชื่อว่า การที่คนทำงานอย่างเรา ไม่รู้จักสรรหาการผ่อนคลายให้กับตนเอง จะทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดความเครียด อันส่งผลกระทบต่อหน้าที่การทำงาน
5. เซียน ใฝ่รู้ Happy Brain มีการศึกษาหาความรู้พัฒนาตนเองตลอดเวลาจากแหล่งต่างๆ นำไปสู่การเป็นมืออาชีพและความมั่นคงก้าวหน้าในการทำงาน
ผู้ชาย สวมแว่นตา หน้าตาแลดูเป็นคนเก่ง มากความสามารถ มีนิสัย ชอบค้นหาความรู้วิชาการใหม่ๆ จากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรือ คอมพิวเตอร์ มาเติมเต็มให้กับตนเอง และคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา เพราะเชื่อว่า ถ้าเราทุกคนแสวงหาความรู้ใหม่ๆ มาเพิ่มพูนความรู้ และพัฒนาตนเองอยู่สม่ำเสมอ ก็จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดัน ช่วยให้องค์กร พัฒนาขึ้น ด้วยบุคลากรที่มีศักยภาพ เทพใฝ่รู้มักอยู่ตามแหล่งความรู้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ห้องสมุด ในอินเตอร์เน็ท เป็นเป็นอัพเดทข่าวสารให้กับเหล่าเทพเสมอ
6. เซียน คุณธรรม Happy Soul มีความศรัทธาในศาสนาและมีศีลธรรมในการดำเนินชีวิต
เป็นเทพอาวุโส หน้าตาดูสุขุม เยือกเย็น มาดนิ่ง เรียบร้อย มีนิสัยที่รักความสงบ มีศรัทธาในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ใช้หลักศีลธรรมในการดำเนินชีวิต เพราะเชื่อว่า หลัก ธรรมคำสอนของศาสนา เป็นสิ่งที่จะช่วยการดำเนินชีวิตของทุกคนให้ดำเนินไปในเส้นทางที่ดีได้ ทำให้ทุกคนมีสติ มีสมาธิในการทำงาน สามารถรับมือกับปัญหาที่เข้ามาได้ ยึดหลักสนับสนุนให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี และมีความศรัทธาในคุณงามความดีทั้งปวง
7. เซียน ประหยัด Happy Money มีเงิน รู้จักเก็บรู้จักใช้ ไม่เป็นหนี้
ชายหนุ่ม รูปร่างสมส่วน ดูเจ้าระเบียบเล็กน้อย มีนิสัยอดออม ประหยัด รู้จักใช้ วิธีเงิน ไม่ใช้สุรุ่ยสุร่าย ใช้จ่ายแต่เท่าที่จำเป็น ยึดหลักคำสอนการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเทพน้องใหม่แต่กระแสนิยมกำลังมาแรง เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเทพในฐานะที่เป็น สื่อกลางนำเสนอการใช้ชีวิตแบบพอเพียง แนะนำให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้โดยไม่ต้องเป็นหนี้สินให้ทุกข์ใจ
8. เซียน ครอบครัวอบอุ่น Happy Family มีครอบครัวที่อบอุ่นและมั่นคง
คุณพ่อ ที่แลดูอบอุ่น มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้นำครอบครัว มีนิสัยรักครอบครัวเป็นที่หนึ่ง เพื่อนำไปเป็นหลักการใช้ชีวิต ให้มนุษย์รู้จักความรัก ความเชื่อมั่น และความศรัทธาในความดีงาม จึงจะเกิดเป็นคนดี ในสังคม (รักตนเอง รักครอบครัว รักการงาน รักเพื่อน รักในสิ่งที่พอเพียง )

ลูกแก้วหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัย

24 กันยายน 2553

พระกำลังแผ่นดิน





พระสมเด็จจิตรลดา... ให้ปิดทองเฉพาะข้างหลังพระเท่านั้น






“... พระเครื่องที่ผม (พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร) ได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ. ๒๕๑๐ หลังจากที่รับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำในวังไกลกังวล คือ พระ “สมเด็จจิตรลดา” หรือพระ “กำลังแผ่นดิน” ที่พระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างเอง


คืนนั้น บนพระตำหนักเปี่ยมสุขในวังไกลกังวล จำได้ว่า พระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงมาพร้อมด้วยกล่องใส่พระเครื่องในพระหัตถ์ ขณะที่ทรงวางพระลงบนฝ่ามือที่ผมแบรับอยู่นั้น ผมมีความรู้สึกว่าองค์พระร้อนเหมือนเพิ่งออกจากเตา



ทราบว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระเครื่องด้วยการนำเอาวัตถุมงคลหลายชนิดผสมกัน เช่น ดินจากปูชนียสถานต่าง ๆ ทั่วประเทศ ดอกไม้ที่ประชาชนทูลเกล้าฯ ถวายในโอกาสต่าง ๆ และเส้นพระเจ้า (คือเส้นผม) ของพระองค์เอง เมื่อผสมกันโดยใช้กาวลาเท็กซ์เป็นเครื่องยึดแล้ว จึงทรงกดพระแต่ละองค์ลงในพิมพ์ โดยไม่ได้เอาเข้าเตาหรือใช้ความร้อนชนิดใด ๆ



หลังจากที่เรา (นายตำรวจรวมแปดนายและนายทหารเรือหนึ่งนาย) รับพระราชทานพระแล้ว ทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาทมีความว่า พระที่พระราชทานนั้น ก่อนจะเอาไปบูชา ให้ปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดเฉพาะข้างหลังพระเท่านั้น



พระราชทานพระบรมราชาธิบายด้วยว่า ที่ให้ปิดทองหลังพระก็เพื่อจะได้เตือนตัวเองว่า การทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร หรือประกาศให้ใครรู้ ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว



... หลังจากที่ไปเร่ร่อนปฏิบัติหน้าที่อยู่ไกลห่างพระยุคลบาทเป็นเวลาประมาณหนึ่งปี ผมได้มีโอกาสกลับไปเฝ้าฯ ที่วังไกลกังวลอีก ความรู้สึกเมื่อได้เฝ้าฯ นอกจากจะเป็นความปีติยินดีที่ได้ใกล้พระยุคลบาทอีกครั้งหนึ่งแล้ว ก็มีความน้อยใจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ลำบาก และเผชิญอันตรายนานาชนิด บางครั้งแทบเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ปรากฏว่ากรมตำรวจมิได้ตอบแทนด้วยบำเหน็จใด ๆ ทั้งสิ้น



ก่อนเสด็จขึ้นคืนนั้น ผมจึงก้มลงกราบบนโต๊ะเสวย แล้วกราบบังคมทูลว่า ใคร่ขอพระราชทานอะไรสักอย่างหนึ่ง



พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามว่า “จะเอาอะไร?” และผมก็กราบบังคมทูลอย่างกล้าหาญชาญชัยว่า จะขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตปิดทองบนหน้าพระที่ได้รับพระราชทานไป พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามเหตุผลที่ผมขอปิดทองหน้าพระ



ผมกราบบังคมทูลอย่างตรงไปตรงมาว่า พระสมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินนั้น นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานไปห้อยคอแล้ว ต้องทำงานหนักและเหนื่อยเป็นที่สุด เกือบได้รับอันตรายร้ายแรงก็หลายครั้ง มิหนำซ้ำกรมตำรวจยังไม่ให้เงินเดือนขึ้นแม้แต่บาทเดียวอีกด้วย



พระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวล (ยิ้ม) ก่อนที่จะมีพระราชดำรัสตอบด้วยพระสุรเสียงที่ส่อพระเมตตาและพระกรุณาว่า ปิดทองข้างหลังพระไปเรื่อย ๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง...”





จากหนังสือ “รอยพระยุคลบาท”

บันทึกความทรงจำของ พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร

12 กันยายน 2553

พระองค์ปฐม-พระคำข้าว-พระหางหมาก-ลูกแก้ว


ประสบการณ์อานุภาพการบูชาพระองค์ปฐม-พระคำข้าว-พระหางหมาก-ลูกแก้ว-พระคาถาโน้มจิต

ก่อนที่จะเล่าตัวอย่างประสบการณ์โดยตรง ผมขอสรุปผลจากประสบการณ์ เกี่ยวกับการพูด ในการบูชาดังนี้

๑. พระกริ่งสมเด็จองค์ปฐม ทำให้เกิดความมั่นใจมาก อาจหาญ สง่าผ่าเผย ไม่มีอาการประม่าตื่นเต้นมาก (จนควบคุมไม่ได้ และไม่มีเลย) มีความรู้สึกว่าเรายิ่งใหญ่ เป็นผู้นำ ...ต้องอาราธนาขอให้ท่านคลุมบนศรีษะ หรือทั้งตัว เหมือนตอนที่ครูแนะนำมโนมยิทธิ จนเกิดอาการ สั่น ศรีษะมึน และตัวหนัก ร้อนผ่าววูบวาบ ร่างกายเหมือนถูกคลุม หรือเหมือนมีพระนั่งคลุมบนศรีษะ หรือจับเป็นภาพนิมิตให้เห็นชัด (เท่าที่ทำได้)

๒. พระหางหมาก ทำให้การพูดคล่อง ปราดเปรื่อง มีปฏิภาณไหวพริบในการโต้ตอบ หลายครั้งก็ งง ว่าเราพูดได้อย่างไร จะไม่ลืมเรื่องที่เตรียมพูด สมองไม่ว่างเปล่าในระหว่างพูด ไม่ช๊อคเวลาพูดนาน ๆ ...อาการจากการอาราธนาก็เหมือนข้อ ๑ แต่จะเบากว่ามาก

๓. พระคำข้าว ได้ลาภแบบเกินคาด แบบงง ๆ เช่น เราขอบารมีพระหางหมากเพื่อเจรจางาน แล้วต่อด้วยขอบารมีพระคำข้าวเจรจาเงินค่าตอบแทน หลายครั้งครับที่ เราตั้งใจจะกำหนดจำนวนเงินเท่านี้ ไว้ในใจ หรือเสนอน้อยไปเขากลับชิงเป็นฝ่ายเสนอก่อน หรือให้เพิ่มเป็นจำจวนเงินสูงกว่าอย่างคาดไม่ถึงแบบเรางง ๆ เราเลยเต็มใจรับที่มากกว่าครับ (แต่อย่าแกล้งโมเมขอเพิ่มขึ้นต่อจากที่เขาเสนอมามากกว่านะครับ เดี๋ยวลาภหายหมด) การขอบารมีก็ เหมือนข้อ ๑ แต่จะเบานุ่มนวลกว่า

๔. ลูกแก้ว มีลาภแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามเหตุตามผล คล้าย ๆ หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองแน่นอน แต่จะไม่เป็นศูนย์ การจัดงานบุญ งานเลี้ยงที่มีคนจำนวนมากจะคล่องตัวอย่างคาดไม่ถึง (หลวงพ่อบอกว่ามีผลเลี้ยงคนจำนวนมากได้) ..ส่วนการรักษาโรคนี่ผมเคยเป็นโรคบิด กินยาหมออย่างดีเป็นเดือน ๆ ไม่หายเลยถึงขนาดแค่มองเห็นเม็ดยา หรือซองยานี่อาเจียรเลย...ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยนำเอาลูกแก้วหลวงพ่อมาขอบารมีทำน้ำมนต์ และหายเป็นปลิดทิ้งในหนึ่งวันนี่เรื่องจริงครับ (เกิดขึ้นมาเกือบ ๓๐ ปีแล้ว)

๕. พระคาถา "จิตตะ มหาจิตตัง ปิยัง มะมะ" ใช้ภาวนาก่อนพูด ระหว่างพูดได้ผลดีมากครับ แต่อาจจะมั่นใจน้อยกว่าพระหางหมาก

ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

คลังบทความของบล็อก